ยุควิกตอเรีย คืออะไร และทำไมถึงได้รับการกล่าวถึงไปทั่วโลก

ยุควิกตอเรีย ภาษาอังกฤษเรียกว่า Victorian era เป็นยุคหนึ่งของสหราชอาณาจักร จัดเป็นยุคที่ได้รับการยกย่องว่าสูงสุดของการปฏิวัติอุตสาหกรรม อีกทั้งยังเป็นยุคสูงสุดของจักรวรรดิแห่งอังกฤษ ที่ตรงกับสมัยการปกครองของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย ในปี ค.ศ. 1837 – ค.ศ. 1901 ส่วนสาเหตุที่ยุคนี้ของอังกฤษได้รับการกล่าวถึงไปทั่วโลก ก็เป็นเพราะมีเรื่องราวอันน่าแปลกประหลาด และมีความสวยงามอันเป็นเอกลักษณ์เกิดขึ้นมากมาย ดังที่จะกล่าวให้คุณได้อ่านต่อไปนี้

ศิลปะจากยุค Victorian

งานศิลปะในยุคนี้ จะเน้นลวดลายอันแสนงดงามของธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นทั้งดอกไม้หรือใบไม้ซึ่งคล้ายๆ กับ Art Nouveau แต่ Victorian จะมุ่งเน้นไปที่รายละเอียดแบบธรรมชาติมากกว่า อีกทั้งยังมีการคลี่แบบและมีลวดลายอันอ่อนช้อยน้อยกว่า ของ Art Nouveau นอกจากนี้ยังได้รับความนิยมนำไปประยุกต์ เพื่อใช้ในการตกแต่ง , สร้างบ้านที่เป็นแบบยุโรปทำให้เป็นการสร้างเอกลักษณ์ของตัวเองขึ้นมา และลวดลายความอ่อนช้อย มีการเน้นไปทางผู้หญิงเสียมาก และการแต่งกายในแถบยุโรปสมัยก่อน ก็จะเป็นชุดกระโปรงยาวจีบ , สวมหมวก , สวมรองเท้าบูทสูง ซึ่งคุณผู้อ่านคงเคยเห็นผ่านๆตาจากในภาพยนตร์ต่างๆกันมาบ้าง งานศิลปะจากยุค Victorian ได้ถูกนำมาสร้างเป็นบ้าน , อาคาร , โรงแรม ต่างๆมากมาย ซึ่งยังคงงดงามวิจิตรมาจนถึงทุกวันนี้ จัดเป็นอีกหนึ่งแฟชั่นของยุคของอังกฤษที่มีความรุ่งเรืองจนส่งอิทธิพลต่อแฟชั่นในยุคปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ตามความงดงามเหล่านี้กลับมีความน่าสะพรึงกลัวซ่อนอยู่…

‘คลั่งสารหนู’ เสียงเลื่องลือของยุควิคตอเรียไม่ได้ขึ้นชื่อในเรื่องของความสวยงามเท่านั้น หากแต่ยังมีความน่ากลัวซ่อนอยู่ เพราะผู้คนในยุคนั้น คลั่งสารหนูกันมาก โดยสารหนู ได้เข้าไปเป็นส่วนประกอบของเครื่องใช้อย่างแพร่หลาย ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากไม่ว่าจะทั้งผู้ชายหรือผู้หญิง มีเครื่องสำอางที่ใส่สารหนูลงไป เนื่องจากมีความเชื่อกันว่าช่วยคืนความอ่อนวัย นอกจากนี้ยังมีการนำสารหนูมาใช้ย้อมผ้า , ทาผนังห้อง , ผสมในเทียนไข , ทาของเล่นเด็ก ส่วนในบรรดาคุณผู้ชายก็มีเรื่องเล่าในสมัยก่อนว่าการบริโภคสารหนูจะทำให้ความต้องการทางเพศมากขึ้น เจ้าหนูมีความแข็งแรง แต่ความเป็นจริงแล้วอันตรายจากสารหนูส่งผลอันเลวร้ายต่อผู้คนมากมาย ไม่ว่าจะทั้งผิวหนังพุพอง เมื่อยามสัมผัส , คลื่นไส้อาเจียน เมื่อยามสูดดม หรือการดิ่งลงไปในห้วงของความตายอย่างเฉียบพลัน โดยเฉพาะการนำสารหรู ไปผสมย้อมสีเสื้อผ้า โดยมันส่งผลกระทบตั้งแต่คนงานตัดเย็บไปยันผู้สวมใส่